วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ภาษาจีนแต้จิ๋ว

คุณทำอะไรอยู่ - ลื้อจ๊อมิไก๊

คิดถึงจังเลย - เตี่ยมเสียเตี่ยะ

ไม่เจอตั้งนาน - ฮ้อกู้บ่อหงอเตี่ยะ

คุณทำไม่ไม่ผอมลง / อ้วนขึ้นเลย - ลื้อจ้อหนี่โบ่ยซั่ง / ปุ๊ย

ตั้งใจทำงาน - อู๋ซิมจ๊อคังข่วย

กี่โมงแล้ว - กุยเตี๊ยมเหลี่ยว

กินข้าวหรือยัง - เจี่ยะปึ่งบ๋วย

ไม่ค่อยหิว - โบ่ยโต้วขุ่ง

ฉันจะไปแล้ว - อั๊วไหล่ขื่อเหลี่ยว

ฉันจะไปนอนแล้ว - อั๊วไอ๊ขื๊ออุ๊กเหลี่ยว

ตอนนี้ไม่ว่าง จี๋จุ๊งอึ่มไอ๊

คุณจะไปไหน ลื่อไอ๊คื้อตีก่อ

คุณอยู่ที่ไหน ลื่อต่อตีก่อ

ฉันอยู่บ้าน อั้วต่อไหล

ฉันอยู่ตลาด อั้วต่อตั๊กลั๊ก

ฉันกำลังจะ.....( ทำ) อั้วไอ๊.....เหลี่ยว (เช่น อั้วไอ๊จู๋ไฉ่เหลี่ยว-ฉันกำลังจะทำอาหารแล้ว)

ฉันกำลังดูทีวี อั้วต่อโถยเตี่ยงสี

ฉันกำลังคุยโทรศัพท์ อั่วต่อต๊าเตี่ยงอ่วย

ฉันกำลังขายของ อั้วต่อโบ่ยหมวยะเกี๋ย (คำว่าหมวยะไม่สามารถใช้อักษรไทยแทนอย่างเหมาะสมได้ ต้องฟังจากเจ้าของภาษาเอง)

ฉันกำลังซื้อของ อั้วต่อโบ๋ยหมวยะเกี๋ย

ฉันอาบน้ำแล้ว /ยังไม่ได้อาบ อั้วจั่งเอ๊กเหลี่ยว/อั้วบ่วยจั่งเอ๊ก

ฉันปวดฉี่/ปวดอึ อั้วไอ๊คื๊อเสียวเปี๋ยง/อั้วไอ๊คื๊อไต่เปี๋ยง

ฉันหิวข้าว อั้วโต้วขุ่ง

รอแป๊บนึง    ตั้งจิกแอ่

(เดินทาง) โชคดีนะ จิกพั๊งฮวงสุง

เที่ยวให้สนุกนะ ทิ๊กท้อตอๆเฮ่งฉู่

หลับฝันดีนะ จิกอุ๊กโชยกิมหมั่ง



ลื้ออ่ายเจี๊ยะ สี่มิจุ๊ย....  =   จะดื่มอะไรดี

ขื่อดอยสุเทพ  ขื่อไป๊ฮุก  =   ไปดอยสุเทพ  ไปไหว้พระ

ลื้อ เสีย อ่าย เจี๊ยะ มิ ไก๊  =     คุณคิดอยากจะทานอะไร ??

ลื้อ อัง สี่ โอ๋ย ลื่อไหล่ ทิ๊ก ท้อ แก เจ๊ก จั่ว  =  ถ้าคุณว่าง..เชิญมาเที่ยวอีก

ตบท้ายด้วย     คัว เกี้ย ๆ  =  ค่อย ๆ เดิน (คำลา)

ชีชี แปะแป๊ะ --  ขาวๆ สวยๆ
แหม แม่ะ -- เร็ว เร็ว
กิม ยิก   --  วันนี้
ม้า คี่ --- พรุ่งนี้
จา ยิก -- เมื่อวาน
หอ เจี๊ยะ -- น่ากิน
หมอ เจี๊ยะ -- ไม่น่ากิน
คะ เกี๊ยม -- เค็มไปหน่อย
คะ ตี่ -- หวานไปหน่อย
ทิก ท้อ -- ไปเที่ยว
กา กี่ นั๊ง -- คนกันเอง
กา เชีย -- ขับรถ

ตื่นแล้ว - จ๋าว คี่ เหลี่ยว
เตียงนอน - หมี่ง ชึ๊ง
ผ้าห่ม - ผวย
หมอน - จิ๋ม ท๊าว
ผ้าปูที่นอน - ฉึ่ง ตัว
ห้องน้ำ - เอก ซีก (ห้องอาบน้ำ) /แช่ ส้อ. ซอย ฉิ้ว กอย(ห้องส้วม) /กง ซี ล้อง (คนแต้จิ๋วในไทยพูดกัน)
แปรงฟัน - ฉิ้ว คี่
อาบน้ำ - จ่าง x ,  สอย x
หวีผม - ซิว ม๊อ
กระจก  - เกี่ย
ถอดเสื้อผ้า - ถึ่ง ซา โหค่ว
ใส่เสื้อผ้า  - เฉ่ง ซา โหค่ว
ตู้เสื้อผ้า - ซา โหค่ว ตู๊
โต๊ะเครื่องแป้ง - ซิว จวง ไท๊
กระเป๋าตัง - จี่ เปา
กระเป๋าถือ (สะพาย) - ชิว ถี่ ต่อ
ถุงเท้า - บ๋วย (คนแต้จิ๋วบางคนออกเสียง ง๋วย)
ถุงน่อง - ซี บ๋วย
ชุดชั้นใน - ซิง ตอย ซา. ซิง ตอย โหค่ว
ถูพื้น - หยื่อ ต่อ
ผ้าเช็ดตัว - เอก โหป่ว
ผ้าเช็ดหน้า - หมี่ง โหป่ว
ทีวี - เตี่ยง สี
โทรศัพท์ - เตี่ยง อ่วย
กินข้าว - เจี่ย ปุ่ง (เจี่ย ปึ่ง)
ข้าวต้ม - ม๊วย
ข้าวสวย - ปุ่ง (ปึ่ง)
น้ำแกง - ทึง / ทานน้ำแกง - เจี่ย ทึง
กับข้าว - เกี๊ยม / ซื้อกับข้าว - บ๋อย เกี๊ยม
ตะเกียบ - ตื่อ / ช้อน - ทึง ซี๊
จาน - ปั๊ว / ชาม - ตั่ว อั้ว. อัว กง / ถ้วย - อั้ว / ถ้วยเล็ก - อั๋ว เกี้ย . ติ๊
หม้อหุงข้าว / ปุ่ง อวย
ข้าวสาร - บี้
ล้างจาน - โซ๋ย อั้ว
ทานอิ่ม - เจี่ย ป้า
ทำกับข้าว - จื๋อ เจี๊ย . จื๋อ ไฉ่
ตู้เย็น - ซึง ตู๊ . เปีย เซีย
เครื่องซักผ้า - ซอย ซา กี / ซักผ้า - ซอย ซา
ตากผ้า - แหน่ ซา
ไม้จิ้มฟัน - แหง่ เชียม
ไปทำงาน - คื่อ จ๊อ คาง ข่วย / คื่อ เจี่ย ปาง
ขับรถ - คุย เชีย / นั่งรถ  - จ่อ เชี่ย
โดยสารรถเมล์ - ตะ กง เชีย
รถไฟฟ้าใต้ดิน - ตี่ ทิ
บริษัท - กง ซี
งานยุ่ง - เอื่อม โอ๊ย ซี่ /ไม่ว่าง - เอื่อม โอ๊ย
เลิกงาน - โหล่ะ ปาง .ซิว กัง
กลับบ้าน - ตึง ไล๋
เช้านี้ - หมุ่ง คี่ จ้า (หมึ่ง คี่ จ้า)
เที่ยง - หยิก ต่าว
เย็น - แหม่ ฮือ เกี้ย
คืนนี้ - กิม แม๊
นอน - อุ๊ก

ห้องน้ำ - เอก ซีก (ห้องอาบน้ำ) /แช่ ส้อ. ซอย ฉิ้ว กอย(ห้องส้วม) /กง ซี ล่ง (คนแต้จิ๋วในไทยพูดกัน)
หวีผม - ซิว ม้อ
ถอดเสื้อผ้า - ถึ่ง ซา โข่ว
ใส่เสื้อผ้า  - เฉ่ง ซา โข่ว
ตู้เสื้อผ้า - ซา โข่ว ตู๊
กระเป๋าตัง - จี๊ เปา
ถุงเท้า - หง้วย
ชุดชั้นใน - ไหล่ ซา. ไหล่ โข่ว
ผ้าเช็ดตัว - เอก โป่ว
ผ้าเช็ดหน้า - หมี่ง โป่ว
กินข้าว - เจี่ย ปึ่ง
ข้าวต้ม - ม๊วย
น้ำแกง - ทึง / ทานน้ำแกง - เจียะ ทึง
กับข้าว - เกี๊ยม / ซื้อกับข้าว - โบ่ย เกี๊ยม
ชาม -  อั้ว / ถ้วย - ถ่วย / ชามเล็ก - อั๋ว เกี้ย
ถ้วยเล็ก อันนี้แบนๆตื้นๆเล็กๆ เอาไว้ใส่น้ำจิ้ม น่าจะเรียกว่าถ้วยน้ำจิ้มนะ - ตี๊
หม้อหุงข้าว / อวย ปึ่ง
ล้างจาน - โสย อั้ว
ทำกับข้าว - จื๊อ เจี๊ยะ . จ่อ ไฉ่
ตู้เย็น - ซึง ตู๊
เครื่องซักผ้า - โซย ซา กี / ซักผ้า - โซย ซา
ฟัน-แง้
ไปทำงาน - คือ จ้อ คัง ข่วย
นั่งรถ  - จ่อ เชีย
โดยสารรถเมล์ - ตะ กง โหล่ว เชีย
บริษัท - กง ซี
งานยุ่ง - อึ่ม โอ่ย ซี่ /ไม่ว่าง - อึ่ม โอ๊ย
เลิกงาน - ซิว กัง
กลับบ้าน - ตึง ไหล
เช้านี้ - หมึ่ง ขี จ้า
นอน - อุ๊ก
พักผ่อน - ฮิว เส็ก


โทรศัพท์มือถือ - ชิว กี
เครื่องรับวิทยุ - ซิว อิม กี อันนี้ไม่เคยได้ยินง่ะ
ยืน - เขีย
เรียนหนังสือ - ถัก จือ
หลอก - เหล้า
เขียนหนังสือ - เซีย หยี่
ซื้อของ - โบย หม่วย เกี๋ย
ขายของ - โบ่ย หม่วย เกี๋ย
ห้างสรรพสินค้า - แปะ ฮวย กง ซี
เครื่องดื่ม - อิม เหลี่ยว - อันนี้ยังไม่เคยได้ยิน
ไปไหนมา - ขื่อ ตี่ ก๊อ ไล้
พูดมั่ว - ซี ซัว ต่า
พูดผิด - ต๊า  ต่า
เลือกตั้ง - ซวง กื้อ
ส.ส. - หนั่ง มิ้ง โท้ย เปี้ยว
นายกรัฐมนตรี - จ๋ง ลี่
รัฐมนตรี - โป่ว เจี้ยง
หัวน้ำก๊อก - จุย เหล่ง ท๊าว
ประปา - จุย เล้ง
พัดลม - ฮวง สี่
ข่าว - ซิง บุ๊ง
หนังสือพิมพ์  - ป๊อ จั้ว
หนังสือพิมพืรายวัน - หยิกป่อ
เล่นฟุตบอล - ถัก กิ๊ว
ผมจะกลับบ้านแล้ว - อั้ว อ้าย ตึง ไหล เหลี่ยว
โรงเรียน - จือแจ
โรงเจ - เจ ตึ๊ง
ร้านขายยา - เอียะ ตึ้ง หรือเอียะ ไฉ่ โผ่ว
ภาษาจีน - ตงบุ๊ง
ภาษาไทย - เสี่ยม บุ๊ง
ภาษาอังกฤษ - เอ็ง บุ๊ง
ประเทศไทย - เสี่ยม ล้อ
ประเทศจีน - ไต่ เล็ก
ประเทศอังกฤษ - เอ็งกก
ฮ่องกง - เฮียง กั้ง
ร้องเพลง 1 เพลง - เชี้ยง กอ เจ็ก เข็ก
นาฬิกา - สี่ เจง
ปฎิทิน - หยิกและ
ประตู - มึ้ง
กะลังมังล้างหน้า - หมิ่ง พุ้ง
ช้อน - ทึง ซี้
อาหารเจ - แจ ไฉ่
พระพุทธรูป - หุก โจ้ว
เสื้อ - ซา
กางเกง - โข่ว
ขวด - ก๊วก
เครื่องคิดเลข - ซึ้งหยี่กี
เยอรมัน - เต้ก กก
รัสเซีย - โซว เลี้ยง
รองเท้าแตะ - โหล่ย ทัว  จีนกลาง อ่าน ทวอ เสีย
ศีรษะ - ท้าว
คาง - แอ่ไฮ้
จมูก - เจียม ผี่
หน้า - หมิ่ง
ตา - มัก
ขี้ตา - หมัก ไส้
 ปาก - ฉุ่ย
หู - อันนี้หยาบคาย ลงให้ไม่ได้นะ ไปหาเอาเอง
ลิ้น - จิ๊

 

เครื่องรับวิทยุ = readio สมัยก่อน ยังไม่มีเทป วีซีดี ในเครื่องเดียวกัน
เครื่องดื่ม อิมเหลี่ยว (Yin3 Liao4)
เครื่องคิดเลข = ซึ้ง หยี่ กี หรือ กอย สึ่ง กี ก็ได้
ประเทศไทย = เสี่ยมล้อ หรือ ไถ่ กอก ก็ได้
ภาษาไทย = เสี่ยมบุ้ง หรือ ไถ่บุ้ง
ไต่เล็ก ความหมายจริงๆคือ แผ่นดินใหญ่ ประเทศจีน = ตง กอก
ร้องเพลง 1 เพลง - เชี้ยง กอ เจ็ก เข็ก หรือ เชี้ยง เจ็ก เตี่ยว กอ


กาม้อ - ตัดผม
โสยท้าว - สระผม
อัวะ อั๊วะ - เป็น เป็น ใช้กับปลาเป็นๆ
โลยเหมา - มีมารยาท
บ่โลยเหมา - ไม่มีมารยาท
เฉาท้าว - อันนี้มักใช้เป็นคำแสลงแปลว่า เมียหลวง
ไช้เท้า - แครอทสีขาว
กอแหล่ลุ้ย - กะหล่ำปลี
โอ๊ย - รองเท้า
ทั่ง - ถัง
ปึ่งทั่ง - สมัยเด็กๆเข้าใจว่ามันเป็นถังข้าวสาร ตอนหลังถึงมารู้ว่าเป้นคำด่า ว่า ไอ้โง่ ประมาณ โง่งี่เง่า
มิไก๊ - มีอะไรเหรอ
บ่มิไก๊ - ไม่มีอะไรหรอก หรือแปลว่า ไม่ได้เรื่องเลย หรือประมาณว่า ไร้สาระ
ฮีหม่อ - คาดหวังว่า
หง่วงเซียว - เทศกาลเยวี๋ยนเซียว 15 ค่ำแรกหลังตรุษจีนหรือวันขึ้นปีใหม่จีน
โนวเกี้ย - เด็กๆ
เกี้ย - ลูก
จ๋าวเกี้ย - ลุกสาว
เตาเกี้ย และ ตาโปวเกี้ย - ลูกชาย
ซุง - หลาน
เตีย ป๊า ป่าป๊า เตี่ย แป๋ - พ่อ
ม้า หม่าม้า - แม่
แช - ดาว
แช - ส้อม
แชเส็ก  - สีเขียว
เหง็ก - หยก
กูลัง - โกดัง
ฉู่ - ตึก
กระเป๋าผ้า - โป่วต่อ
ของแห้งต่างๆพวกถั่วเขียว ถั่วเหลือง ข้าวต่างๆ เรียก เต่าโผ่ว
เครื่องคิดเลข ก็เรียกอีกอย่างนึงว่า สึ้งเสี่ยวกี
สึ้งเสี่ยว - คิดบัญชี




ถั่วงอก - เต่า แง๊
แตงกัว - เตียว กวย
องุ่น - ผู่ ท๊อ
apple - ผิ่ง ก้วย
ต้นหอม - ชัง
ต้นกระเทียม - สึ่ง
เต้าหู้อ่อน - เต่า กัว
แห้ว - จี่ ชัง
พริก - เฮียม เจีย
ทุเรียน - โถ่ว เลี๊ยง
ลำใย - เหนก โอ้ย
ส้ม - กา
ส้มโอ - อิ่ว
ฝรั่ง - บาก เกี้ย (ปุก เกี้ย)
อ้อย - เจี่ย
มะเขือ - เกี๊ย
มาระ - โคว กวย
ไข่เหยี้ยวม้า - ผ่วย นึ๋ง
น้ำส้มสายชู - โฉ่ว
น้ำปลา - หื่อ โหล่ว (โช ทึง บางพื้นที่แต้จิ่วเรียก)




กาแฟ - กอ ปี๊. เกีย ฮุย
น้ำสม - กา จุ้ย. กา จับ
น้ำอ้อย - เจี้ย จุ้ย. เจี้ย จับ
น้ำแตงโม - ซี กวย จุ้ย. ซี กวย จับ
น้ำองุ่น - ผู่ ท้อ จุ้ย. ผู้ ท้อ จับ
น้ำมันถั่วเหลือง - อึ่ง เต่า อิ้ว
น้ำอัดลม - คี่ จุ้ย (แต่อยากเชิญชวนให้เลิกดื่มเพื่อสุขภาพ)
น้ำทะเล - ไฮ๋ จุ้ย
น้ำเต้า - โห่ว โล๊ว
น้ำนม - หนี
น้ำเต้าหู้ - เต่า หู่ เจีย
เต้าฮวย - เต่า ฮวย
ชานม - หนี่ แต๊
นมสด - ชี หนี

น้ำองุ่น - ผู่ ถ่อ จุ้ย. ผู้ ถ่อ จับ
น้ำอัดลม - คี้ จุ้ย
น้ำทะเล - ไฮ้ จุ้ย

ถูก/ผิด - เตี๊ย/ต่า (อื่ม เตี๊ย)
ใช่/ไม่ใช่ - สี/มี้
แก้ไข - โก้ย
ช่วย - เซีย ฮู๋
เด็ก ๆ - โนว เกี้ย
กระดาษ - จั้ว
เลือก - ต๊อ / ส้วง
รูป - เซี่ย / เสียว เอี้ย
ป่วย - แป่
มะเร็ง - งั๊ม
ปวดหัว - เท๊า ฮิ๊ง
ปวดท้อง - โต้ว เถี่ย
ปวดฟัน - คี่ เถี่ย
ปวดขา - คา เถี่ย




อึ่ม โซย อึ่ม หมั่ง ไม่เร็วไม่ช้า หมายถึง มาผิดจังหวะ ทำไมไม่มาเร็วหรือช้ากว่านี้

อึ่ม ไจ แก้ จี๊ ไม่รู้ราคา ไม่รู้เรื่อง ไม่มีข้อมูล ไม่เข้าใจความเป็นจริง

อึ่ม ไจ เท้า ขอโทษ แสดงความสุภาพเมื่อล่วงเกิน ไม่ทันระวัง

อึ่ม สี่ แก้ สี่ ไม่ถูกหลัก พึ่งพาอาศัยไม่ได้ ไม่ถูกกับระเบียบ

หอ ซี่ ดีจริงๆ



กี หลัน เตี่ยว เหมี่ย หนึ่งจู๋หนึ่งชีวิต (เปรียบเทียบผู้ชายที่ยากจน ต่ำต้อย อาจใช้ดูหมิ่นคนหรือใช้กับตัวเอง)

ตั่ว หลั่น พา เจี๊ยวใหญ่ (หัวโจก)

เทียว เก้า โข่ว กา เล่า อาละวาดจนกางเกงหลุด(เกะกะระราน แต่ผลสุดท้ายขายหน้าเอง)

หลัน ตู๋ ฮ่วย เต๊าะ โกรธแล้วนะ (แปลตรงตัว จู๋หงิก ติดไฟ หมายถึงโกรธจนยั้งไม่อยู่)

ตื่นแล้ว - จ๋าว คี่ เหลี่ยว
เตียงนอน - หมี่ง ชึ๊ง
ผ้าห่ม - ผวย
หมอน - จิ๋ม ท๊าว
ผ้าปูที่นอน - ฉึ่ง ตัว
ห้องน้ำ - เอก ซีก (ห้องอาบน้ำ) /แช่ ส้อ. ซอย ฉิ้ว กอย(ห้องส้วม) /กง ซี ล้อง (คนแต้จิ๋วในไทยพูดกัน)
แปรงฟัน - ฉิ้ว คี่
อาบน้ำ - จ่าง x ,  สอย x
หวีผม - ซิว ม๊อ
กระจก  - เกี่ย
ถอดเสื้อผ้า - ถึ่ง ซา โหค่ว
ใส่เสื้อผ้า  - เฉ่ง ซา โหค่ว
ตู้เสื้อผ้า - ซา โหค่ว ตู๊
โต๊ะเครื่องแป้ง - ซิว จวง ไท๊
กระเป๋าตัง - จี่ เปา
กระเป๋าถือ (สะพาย) - ชิว ถี่ ต่อ
ถุงเท้า - บ๋วย (คนแต้จิ๋วบางคนออกเสียง ง๋วย)
ถุงน่อง - ซี บ๋วย
ชุดชั้นใน - ซิง ตอย ซา. ซิง ตอย โหค่ว
ถูพื้น - หยื่อ ต่อ
ผ้าเช็ดตัว - เอก โหป่ว
ผ้าเช็ดหน้า - หมี่ง โหป่ว
ทีวี - เตี่ยง สี
โทรศัพท์ - เตี่ยง อ่วย


น้ำแกง - ทึง / ทานน้ำแกง - เจี่ย ทึง
กับข้าว - เกี๊ยม / ซื้อกับข้าว - บ๋อย เกี๊ยม

จาน - ปั๊ว / ชาม - ตั่ว อั้ว. อัว กง / ถ้วย - อั้ว / ถ้วยเล็ก - อั๋ว เกี้ย . ติ๊
หม้อหุงข้าว / ปุ่ง อวย
ข้าวสาร - บี้


ทำกับข้าว - จื๋อ เจี๊ย . จื๋อ ไฉ่
ตู้เย็น - ซึง ตู๊ . เปีย เซีย
เครื่องซักผ้า - ซอย ซา กี / ซักผ้า - ซอย ซา
ตากผ้า - แหน่ ซา
ไม้จิ้มฟัน - แหง่ เชียม
ไปทำงาน - คื่อ จ๊อ คาง ข่วย / คื่อ เจี่ย ปาง
ขับรถ - คุย เชีย / นั่งรถ  - จ่อ เชี่ย
โดยสารรถเมล์ - ตะ กง เชีย
รถไฟฟ้าใต้ดิน - ตี่ ทิ

งานยุ่ง - เอื่อม โอ๊ย ซี่ /ไม่ว่าง - เอื่อม โอ๊ย
เลิกงาน - โหล่ะ ปาง .ซิว กัง
กลับบ้าน - ตึง ไล๋
เช้านี้ - หมุ่ง คี่ จ้า (หมึ่ง คี่ จ้า)
เที่ยง - หยิก ต่าว
เย็น - แหม่ ฮือ เกี้ย







วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560

มัมมี่เบอร์เกอร์


เนื้อบดย่างนุ่มๆ แสนอร่อย ที่ถูกห่อมัมมี่ด้วยมอสซาเรลล่าชีส จากนั้นราดตามด้วยซอสสุดเข้มข้น  สูตรพิเศษง่ายๆ ที่อยากให้ลองทำกันดูค่ะ 



ส่วนประกอบ

เนื้อบด 300 กรัม
หอมหัวใหญ่ ครึ่งหัว
นม 2 ช้อนโต๊ะ
ไข่ 1 ฟอง
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
เครื่องเทศรวม 1 หยิบมือ
--ซอส--
ซอสมะเขือเทศ 90 มิลลิลิตร
ซอสทงคัตสึ 50 มิลลิลิตร
สาเก 30 มิลลิลิตร
มัสตาร์ด 20 กรัม
วิปครีม 20 มิลลิลิตร
น้ำ 100 มิลลิลิตร




ที่มา    Channel J

วันอังคารที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ข้อห้าม 12 ประการของฟ่านหลี เทพเจ้าแห่งการค้าของคนจีน

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังยืน, ท้องฟ้า, เมฆ และ สถานที่กลางแจ้ง



ข้อห้าม 12 ประการของฟ่านหลี เทพเจ้าแห่งการค้าของคนจีน             

1.อย่าเอาแต่ตระหนี่ถี่เหนียว ต้องไม่ปฏิเสธยามผู้คนมาขอความช่วยเหลือด้วยมนุษยธรรม
2.อย่าได้ลังเล จงมีความมั่นใจที่จะตามแสวงหาโอกาส เวลาคือสิ่งสำคัญ
3.อย่าใจใหญ่เกินไป จะสร้างความประทับใจให้ผู้คน ก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลือง
4.ห้ามคดโกง ความซื่อสัตย์เท่านั้นที่เป็นพื้นฐานของการค้า ต้องไม่ทำร้ายผู้อื่น
5.อย่าเก็บหนี้สินช้าเกินไปนัก เพราะหากไม่ใส่ใจมากพอ การค้าจะติดขัด
6.ห้ามลดราคาโดยไม่สมเหตุผล เพราะมันมีแต่จะทำให้ทุกคนพ่ายแพ้
7.อย่าเอาแต่กระทำตามผู้อื่นเสมอไป ต้องหมั่นวิเคราะห์ให้ดีว่าไม่ใช่แค่กระแสเพียงชั่วคราว
8.อย่าฝืนดันทุรังเกินไป ทุกสิ่งมีขึ้นมีลง เป็นสัจธรรม
9.อย่าคร่ำครึหัวโบราณ หมั่นปรับตัวเองให้ทันกับสถานการณ์ คอยศึกษาสิ่งใหม่
10.อย่าซื้อและใช้จ่ายมากเกินทรัพย์ หรือเกินจากวงเงินที่มีอยู่
11.อย่างเก็บเงินทุนสำรองไว้น้อยเกินไป เพราะยามที่การค้าเกิดติดขัด หากมีเงินสำรองมากพอก็ยังจะขับเคลื่อนต่อไปได้ ในขณะที่กิจการอื่นๆต้องปิดตัวไป
12.อย่าได้รับรองสินค้าโดยไม่ตรวจสอบ ต้องประเมินให้แน่ใจว่าคู่ค้าของเรามีมาตรฐานแน่นอน
หลักการของฟ่านหลี่ เกิดขึ้นเมื่อ 3,000 กว่าปีก่อนในยุคของสงครามระหว่างแคว้นในประเทศจีน แม้ว่าจะเป็นข้อเสนอแนะเบื้องต้นอย่างง่ายๆ แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในคติสำคัญที่นักธุรกิจจีนเองก็ยึดถือกันมานาน ถ้าเราระมัดระวังกับคำเตือนของฟ่านหลี่ ชายผู้ที่คนจีนนับถือเป็นเทพเจ้าแห่งการค้า แล้วยังเป็นผู้ที่เกิดและใช้ชีวิตในยุคสมัยสงครามที่ทุกอย่างไม่มีความมั่นคงแน่นอนในชีวิตเอาไว้บ้าง ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านครับ
Cr.  https://goo.gl/5YXCPp


วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2560

๒๐ กันยายน .. รำลึก วันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ .. พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช

◎◎ ๒๐ กันยายน .. รำลึก วันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ ..
พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช .. ✩✩
.
※※※※
.
พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๔ ค่ำ ปีมะเส็งเบญจศก จ.ศ. ๑๒๕๕ ตรงกับวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๖ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ตามเสด็จรับใช้ใกล้ชิด มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์เช่นเมื่อคราวเสด็จประพาสต้นครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๔๙ และเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๕๐ พระองค์ก็ได้ตามเสด็จสมเด็จพระบรมชนกนาถไปด้วยทั้ง ๒ ครั้ง
เมื่อทรงเจริญถึงวัยที่จะเสด็จไปทรงศึกษาต่อต่างประเทศ เช่นเดียวกับพระราชโอรสพระองค์อื่น ก็ทรงให้เว้นเสีย และให้จ้างครูชาวต่างชาติเข้ามาสอนหนังสือถึงในพระตำหนัก แทนที่จะต้องเสด็จไปศึกษาในต่างประเทศ นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างตำหนักขึ้นภายในพระราชวังดุสิตและพระราชทานนามว่า "ตำหนักราชฤทธิ์รุ่งโรจน์" เพื่อพระราชทานให้ประทับอยู่ใกล้ ๆ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช ประชวรด้วยโรคไส้ตัน สิ้นพระชนม์ด้วยวัยเพียงไม่ถึง ๑๖ พรรษา เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ ขึ้น ๘ ค่ำ ปีมะเส็งเบญจศก จ.ศ. ๑๒๕๕ ตรงกับวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๒ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโทมนัสยิ่งนักที่พระราชโอรสสิ้นพระชนม์ ในวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างสะพานข้ามคลอง เพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์เป็นสาธารณกุศล ที่เชิงสะพานทั้งสองฝั่งมีพระรูปปั้นหินอ่อนของพระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช พระราชทานชื่อสะพานว่า สะพานอุรุพงษ์ จนถึงปัจจุบัน ไม่มีสะพานแห่งนี้แล้ว คงเหลือแต่ชื่อ ถนนอุรุพงษ์ และสี่แยกอุรุพงษ์
.
.
Cr.   https://goo.gl/CpEkQ6

วันจันทร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560

เจ้าน้อยศุขเกษม กับ "มะเมียะ"

"แต่เมื่อเจ้าชายจบการศึกษา
จำต้องลาจากมะเมียะไป เหมือนโดนมีดสับ ดาบฟันหัวใจ
ปลอมเป็นผู้ชายหนีตามมา"

 
           สวัสดีครับ ประโยคด้านบนนี้เป็นส่วนหนึ่งในเนื้อร้องเพลง "มะเมียะ" ที่ขับร้องเล่าต่อกันมา เพลงนี้กล่าวถึงความรักของ "เจ้าน้อยศุขเกษม" ลูกชายผู้ครองเมืองเชียงใหม่ ที่ได้ไปพบรักกับ "มะเมียะ" หญิงสาวชาวพม่า แต่ท้ายที่สุดก็ต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรม ที่หลายคนต้องเสียน้ำตาทุกครั้งที่ได้อ่าน (เจ้าน้อยศุขเกษม คือลูกชายคนโตของผู้ครองนคร ดังนั้น จึงมีสิทธิ์ในการครองนครเชียงใหม่เป็นลำดับถัดไป)

            เจ้าน้อยศุขเกษม เมื่ออายุได้ 15 ปี ได้ถูกส่งตัวไปร่ำเรียนวิชาการยังโรงเรียนเซนต์แพทริค ในเมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า จนวันหนึ่ง เจ้าน้อยศุขเกษมไปเดินเที่ยวตลาด และพบกับ มะเมียะ สาวน้อยแม่ค้าขายบุหรี่ ด้วยความสวยงามอ่อนหวานของสาวน้อยชาวพม่า ทั้งสองบังเกิดจิตปฏิพัทธ์ และได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา ครั้งหนึ่งในวันพระ ทั้งสองไปทำบุญไหว้พระด้วยกันตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวพม่า ทั้งคู่ได้กล่าวคำสาบานต่อหน้าพระธาตุไจ้ตะหลั่นว่า "จะรักกันเรื่อยไปและจะไม่ทอดทิ้งกัน หากผู้ใดทรยศต่อความรัก ขอให้ผู้นั้นอายุสั้น" แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขของเจ้าน้อยและมะเมียะนั้นแสนสั้น เพราะไม่นานเจ้าน้อยศุขเกษมก็ต้องเดินทางกลับเมืองเชียงใหม่

 
"เจ้าน้อยศุขเกษม" เจ้าน้อยผู้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ กับโศกนาฏกรรมรัก "มะเมียะ" ที่คนไทยไม่เคยลืม
ภาพ เจ้าน้อยศุขเกษม ถ่ายคู่กับเจ้าบัวชุม

           เจ้าน้อยจึงได้ตัดสินใจให้มะเมียะปลอมตัวเป็นชายติดตามขบวนมายังเมืองเชียงใหม่ในฐานะเพื่อนหนุ่มชาวพม่า และก็พบว่า เจ้าแก้วนวรัฐ ผู้เป็นบิดา ได้จัดการหมั้นหมายเจ้าน้อยไว้กับเจ้าบัวนวล สิโรรส ธิดาคนโตของเจ้าสุริยวงษ์ก่อนแล้ว เจ้าน้อยจึงเปิดเผยเรื่องของตนกับมะเมียะ แต่ทางครอบครัวไม่สามารถรับมะเมียะเป็นสะใภ้ได้ เพราะในขณะนั้นเจ้าน้อยเป็นที่อุปราช จะเป็นเจ้าหลวงองค์ต่อไป ย่อมไม่ควรมีภรรยาเป็นหญิงต่างชาติ อีกทั้งสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้นอังกฤษกำลังแผ่อำนาจ มะเมียะซึ่งเป็นคนในชนชาติภายใต้การปกครองของอังกฤษ อาจเป็นชนวนก่อให้เกิดปัญหาทางการเมืองที่ใหญ่โตจนเกิดความเดือดร้อนได้ในภายหลัง ทางด้านเจ้าบัวนวล คู่หมั้นได้ถอนหมั้นไปหลังจากรู้ว่าเจ้าน้อยมีมะเมียะ

           เล่ากันว่าเรื่องนี้ได้ยินไปถึงสยาม รัชกาลที่ 5 และพระชายาเจ้าดารารัศมี (พระชายาผู้ที่มีบทบาททางเหนือ) เห็นว่าไม่ควรกับสถานการณ์ จึงส่งผู้สำเร็จราชการมาเจรจา บอกว่าเจ้าน้อยจะมีเมีย กี่คนไม่ใช่ปัญหาแต่ต้องไม่ใช่สาวพม่า เพราะว่าคนพม่าถือสัญชาติอังกฤษ เดี๋ยวอังกฤษจะถือโอกาสแทรกแซง ว่าแต่งกับคนพม่าก็ต้องถือว่าเป็นคนพม่าด้วย ที่สำคัญเจ้าน้อยเป็นเจ้าชายของล้านนาถูกวางตัวไว้ให้เป็นรัชทายาทล้านนา เท่ากับว่าสยามอาจต้องเสียเชียงใหม่ให้อังกฤษ ขอให้เจ้าพ่อและเจ้าแม่ยื่นคำขาดต่อเจ้าน้อยให้ส่งตัวมะเมียะกลับเมืองมะละแหม่ง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น

            ในวันเดินทางกลับเมืองมะละแหม่งของมะเมียะ เจ้าน้อยศุขเกษม พูดภาษาพม่ากับมะเมียะได้เพียงไม่กี่คำ เธอก็ร้องไห้คร่ำครวญอย่างคนหัวใจแตกสลาย เจ้าน้อยศุขเกษมได้รับปากกับมะเมียะว่าตนจะยึดมั่นในคำปฏิญาณที่ให้ไว้ต่อหน้าพระธาตุไจ้ตะหลั่นจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และได้ยืนยันกับมะเมียะว่าภายใน 3 เดือน จะกลับไปหาเธอ ท้ายที่สุดมะเมียะจึงได้คุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้าสยายผมออก แล้วนำมาเช็ดเท้าของเจ้าน้อยศุขเกษมด้วยความอาลัย จงรักภักดีบูชาสามีสุดชีวิต แล้วก็กอดขาร้องไห้ เจ้าน้อยเองก็ร้อง ทำเอาคนที่มามุงร้องไห้ไปทั้งเมืองด้วยความสงสารความรักของทั้งคู่ ก่อนที่จะตัดใจขึ้นไปบนกูบหลังช้างเพื่อเดินทางกลับ หลังจากวันนั้น เธอก็เฝ้าแต่รอคอยเจ้าน้อยที่ประเทศพม่าทุกวัน จนครบกำหนด 3 เดือนที่เจ้าน้อยรับปากไว้ แต่ก็ไร้วี่แวว

            ทางด้านเจ้าน้อย หลังจากเศร้าจากเหตุการณ์ส่งตัวมะเมียะกลับได้ไม่นาน ก็โดนเรียกไปรับราชการที่สยาม เจ้าน้อยศุขเกษมได้รับราชการตำแหน่ง ร้อยตรีทหารบก มีบรรดาศักดิ์ เป็น “เจ้าอุตรการโกศล” และถูกจับแต่งงานกับเจ้าบัวชุม ซึ่งเป็นพระญาติ และเป็นสาวที่สวยที่สุดในตำหนักเจ้าดารารัศมี ร่ำลือกันว่าเล่นดนตรีไทยเก่ง โดยพิธีสมรสกับเจ้าหญิงบัวชุม โดยมีเจ้าดารารัศมีและเจ้าหลวงอินทวโรรสสุริยวงศ์เป็นผู้จัดงานมงคลสมรสให้ ทางฝั่งมะเมียะเมื่อทราบข่าวการสมรสก็เสียใจมาก จนกระทั่งตัดสินใจบวชเป็นแม่ชีที่เมืองมะละแหม่ง เพื่อพิสูจน์รักแท้ว่าจะไม่มีคนใหม่

            ในปลายปีเดียวกันนั้นเจ้าน้อยศุขเกษม ได้เดินทางกลับมาปฏิบัติราชการที่เชียงใหม่ เมื่อได้ยินว่าเจ้าน้อยกลับเชียงใหม่แล้ว แม่ชีมะเมียะเลยมาดักที่คุ้มแต่เจ้าน้อยไม่ยอมออกมาพบรอนานเท่าไรก็ ไม่ยอมออกมา จริงๆ แล้วเจ้าน้อยแอบดูอยู่ข้างหน้าต่างได้แต่ร้องไห้ไม่กล้าสู้หน้าที่ผิดสัญญาก็เลยฝากให้พี่เลี้ยง เอาเงิน 1 กำปั่น (ขณะนั้นประมาณ 800 บาท ถือว่าสูงมาก เพราะเงินเดือนสมัยนั้นเดือนละ 4 บาท) ไปมอบให้แก่แม่ชีเพื่อทำบุญ พร้อมกับมอบแหวนทับทิมประจำกายอีกวงหนึ่งเป็นที่ระลึกแทนใจว่า หัวใจจะอยู่กับมะเมียะเสมอ แม่ชีเสียใจมาก บอกว่า ไม่มาขอรักคืน เพียงแต่มาถอนคำสาบานให้ ที่เคยสัญญากันว่าจะรักกันเรื่อยไปและจะไม่ทอดทิ้งกัน หวังให้เจ้าน้อยได้ใช้ชีวิตที่ดีต่อไป ไม่ต้องห่วงกับคำสัญญา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มะเมียะและเจ้าน้อยศุขเกษมต่างสะเทือนใจเป็นที่สุด

            หลังจากวันนั้น ที่เจ้าน้อยจากกับแม่ชีมะเมียะ ก็เอาแต่กินเหล้าไม่มีใจรักเจ้าบัวชุม ในที่สุดก็ตรอมใจตายหลังจากแต่งงานได้ไม่กี่ปีในขณะที่อายุแค่ 30 ปีเท่านั้นเอง (ในบันทึกบอกว่าพิราลัยด้วยโรคพิษสุราใน 6 ปีต่อมาหลังจากพบแม่ชีมะเมียะครั้งสุดท้าย) ส่วนมะเมียะได้ครองชีวิตเป็นแม่ชีที่มะละแหม่งตามความตั้งใจ จนกระทั่งถึงแก่มรณกรรมในปี พ.ศ.2505 รวมอายุได้ 75 ปี เรื่องราวความรักอันลึกซึ้งระหว่างเจ้าน้อยศุขเกษม และมะเมียะ จึงกลายเป็นตำนานกล่าวขานมาจนทุกวันนี้

             ส่วนเจ้าบัวชุม หลังจากสิ้นเจ้าน้อย ก็อยู่เป็นข้าบาทจาริกาจนอายุ 81 ปี เจ้าบัวนวล พระคู่หมั้นคนแรกของเจ้าน้อยได้บันทึกไว้ว่า "เมื่อแรกรู้สึกเสียหน้า แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกเห็นใจและศรัทธาในรักแท้ของเจ้าน้อยจริงๆ ตลอดชีวิตของเจ้าน้อย รักผู้หญิงคนเดียวจนสิ้นลม คือ มะเมียะ หลังจากนั้นเรื่องของเจ้าน้อยกับมะเมียะ ก็ถูกสั่งห้ามพูดถึงไปอีกหลายสิบปีด้วยเหตุผลทางการเมือง รายละเอียดต่างๆ เลยถูกเลือนหายไปตามกาลเวลา เหลือไว้แต่ตำนานโศกนาฏกรรมความรักที่เล่าขานกัน"

             พระชายาเจ้าดารารัศมี บันทึกไว้ว่า "ทรงไม่คิดว่าเจ้าน้อย จะปักใจมั่นกับมะเมียะ เจ้าดารารัศมีทรงคิดว่าหลายปีผ่านไป เมื่อได้ภรรยาที่ดีพร้อม เจ้าน้อยคงลืมความรักครั้งแรกได้ แต่เจ้าน้อยไม่ลืมจนสิ้นชีวิต"

 
"เจ้าน้อยศุขเกษม" เจ้าน้อยผู้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ กับโศกนาฏกรรมรัก "มะเมียะ" ที่คนไทยไม่เคยลืม
ภาพวัดสวนดอก จ.เชียงใหม่ ที่ตั้ง
กู่เจ้านายฝ่ายเหนือ
(ที่เก็บกระดูกของเชื้อสายผู้ครองนครเชียงใหม่ ซึ่งมีกู่เจ้าน้อยอยู่ด้วย)

"เจ้าน้อยศุขเกษม" เจ้าน้อยผู้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ กับโศกนาฏกรรมรัก "มะเมียะ" ที่คนไทยไม่เคยลืม
กู่เจ้าน้อยศุขเกษม มีดอกกุหลาบสีแดงอยู่ด้านหน้า
(แต่เดิมหน้ากู่เจ้าน้อย จะเป็นกู่เดียวมีรูปเจ้าน้อยวางอยู่ แต่ล่าสุดที่ไปไม่พบแล้วครับ)

"เจ้าน้อยศุขเกษม" เจ้าน้อยผู้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ กับโศกนาฏกรรมรัก "มะเมียะ" ที่คนไทยไม่เคยลืม

กู่แต่ละกู่จะมีรูปร่างและสีคล้ายๆ กัน ดังนั้น วิธีหาว่ากู่ไหนเป็นของพระองค์ไหน
คือต้องเดินอ่านป้ายหน้ากู่ โดยกู่ของเจ้าน้อยจะเขียนว่า
"เจ้าอุตรการโกศล ณ เชียงใหม่" ซึ่งเป็นยศสุดท้ายของเจ้าน้อย

"เจ้าน้อยศุขเกษม" เจ้าน้อยผู้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ กับโศกนาฏกรรมรัก "มะเมียะ" ที่คนไทยไม่เคยลืม
ภาพที่ระลึกในงานปลงพระศพเจ้าน้อยศุขเกษม


"เพลงมะเมียะ" โดยคุณจรัล มโนเพ็ชร
เป็นเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเจ้าน้อยศุขเกษม และมะเมียะ
ดนตรีไพเราะ และเศร้ามากๆ




เรื่องราวของมะเมียะ เคยถูกนำมาทำเป็นละครทางช่อง 7 ในปี พ.ศ.2537
โดยกบ สุวนันท์ รับบท "มะเมียะ" และศรราม เทพพิทักษ์ รับบท "เจ้าน้อยศุขเกษม"


ที่มา  :     https://www.dek-d.com/lifestyle/47037/